ผมได้รับข้อมูลจากน้อง ที่ทำงานเดิม เกี่ยวกับการเขียน เบอร์โทร ซึ่ง
ก็ไม่ทราบหลักการ และก็เจอรูปแบบการเขียนที่หลากหลาย อันที่จริง
หลักสากลเขามีอยู่ เวลาจะเปลี่ยนนามบัตรจะได้ Update ที่ถูกต้อง..
ตั้งแต่นี้ไป ถ้าพิมพ์นามบัตรใหม่ หรือพิมพ์หัวกระดาษจดหมายใหม่
ต้องพิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ตามหลักสากลดังข้างล่างนี้ คือ
เบอร์โทรศัพท์บ้าน 0 2 123 4567 ถ้าแจ้งชาวต่างชาติ ต้องเพิ่มรหัสประเทศ +66 2 123 4567
เบอร์มือถือ 08 1123 4567 ถ้าแจ้งชาวต่างชาติ ต้องเพิ่มรหัสประเทศ +668 1123 4567
เบอร์บ้านเชียงใหม่ 0 53 12 3456 ถ้าแจ้งชาวต่างชาติ ต้องเพิ่มรหัสประเทศ +66 53 12 3456
คำอธิบายโปรดอ่านข้างล่างนี้
คำแนะนำในการเขียนเลขหมายโทรศัพท์ ให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล
อ้างถึง
จากคำถามที่ว่า ควรจะเขียนเลขหมายโทรศัพท์บนนามบัตรหรือโบชัวร์อย่างไร ให้ตรงตามมาตรฐาน
ซึ่งถ้าคุณยังเขียนเป็น 02-xxx-xxxx หรือ (02) xxx xxxx ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว
การ
เพิ่มเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานทั่วประเทศจาก 7 หลักเป็น 8 หลัก ในปี พ.ศ.
2544 นั้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการเขียนเลขหมายโทรศัพท์
เพื่อใช้ในนามบัตร โบรชัวร์ หรือสิ่งพิมพ์ต่างๆ
ที
โอทีได้แนะนำรูปแบบการเขียนเลขหมายโทรศัพท์
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International
Telecommunication Union: ITU) เพื่อให้เป็นที่เข้าใจได้ง่าย
ตรงตามมาตรฐานสากล โดยมีแนวทาง ดังต่อไปนี้
แบ่งกลุ่มตัวเลขให้ถูก
1. เลขหมายโทรศัพท์ในประเทศ
2. ให้เขียนเลขศูนย์นำหน้า ตามด้วยเลขหมาย 8 หลัก ซึ่งเป็นไปตามหลักของการเขียน Trunk prefix + Subscriber numbers
3. เช่น 0 2345 6789 หรือ 0 5345 6789
4. เลขหมายโทรศัพท์สำหรับติดต่อกับ ต่างประเทศ
5. ให้เขียนรหัสประเทศตามด้วยเลขหมายโทรศัพท์ ซึ่งเป็นไปตามหลักของการเขียน Country code + Subscriber numbers
6. เช่น +66 2345 6789 หรือ +66 5345 6789
7. หลาย
คนอาจจะมีปัญหากับการเขียนเลขหมายระบบใหม่ เพราะเคยชินกับระบบเดิมอยู่
แต่ก่อนเราเขียน (02) 345 6789 เพื่อแยกรหัสพื้นที่ ออกจากเลขหมายโทรศัพท์
8. ในเมื่อระบบเลขหมาย 8 หลัก ไม่มีรหัสพื้นที่แล้ว
การที่เรายังคงเขียนเป็น (02) 345 6789 นั้นก็อาจทำให้เข้าใจผิดไปได้บ้าง
แม้ว่าผลลัพธ์ของการโทรนั้นไม่แตกต่างกัน แต่ในการพูด
คุณสามารถที่จะบอกเบอร์โทรของคุณเป็น “ศูนย์สอง สามสี่ห้า หกเจ็ดแปดเก้า”
ได้เหมือนเดิม ก็ไม่มีใครว่าอะไร
9. ที่จริงแล้ว บ้านเราก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของ ITU เสียทั้งหมด
10. รูป
แบบบางอย่างเราก็ยังคงใช้ตามนิยมที่ทุกคนเข้าใจ เช่น
การเขียนเบอร์โทรที่ประกอบด้วยหลายเลขหมาย (Multiple numbers) นั้น มาตรฐาน
ITU-T Recommendation E.123 แนะนำให้ใช้เครื่องหมายทับ (/) ระหว่างตัวเลข
เช่น
11. * เลขหมายที่ไม่ติดกัน 0 2123 4567 / 3456 7890 / 4567 8901
12. * เลขหมายที่ติดกัน สามารถย่อเป็น 0 2123 4567 / 8 / 9
13. แต่
เราแทบจะไม่เคยเห็นรูปแบบนี้ในประเทศไทยเลย
ที่นิยมใช้และเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป จะใช้เครื่องหมายขีด “-” ระหว่าง
เลขหมายที่ติดกัน หรือคั่นด้วย “,” สำหรับเลขหมายที่ไม่ติดกัน เช่น
14. * เลขหมายติดกัน 0 2123 4567-9 หรือ 0 2123 4567-71
15. * เลขหมายที่ไม่ติดกัน 0 2134 4567, 0 2345 6789
16. การเขียนเลขโทรศัพท์ตามแบบใหม่นี้ยังมีข้อดีคือ เลขหมายของคนกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จะมีรูปแบบเหมือนกันทั้งประเทศ
17. เช่น เลขหมายของชาวกรุงเทพฯ 0 2345 6789
18. กับเลขหมายของชาวเชียงใหม่ 0 5345 6789
19. ถือเป็นการลดช่องว่างระหว่างเมืองกรุงกับภูมิภาคได้อีกระดับหนึ่ง
20. แบ่งกลุ่มตัวเลขด้วยช่องว่าง
21. มาตรฐาน
ITU E.123 แนะนำให้มีการแบ่งกลุ่มตัวเลขของหมายเลขโทรศัพท์ โดยใช้
สัญลักษณ์ช่องว่าง (Spacing symbols)
เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและความสะดวกในการบอกกล่าว
สัญลักษณ์ที่ควรใช้ที่สุดก็คือ ช่องว่าง (space) หรือการเว้นวรรค
22. ไม่ควรใช้เครื่องหมายอื่นอย่างเช่น เครื่องหมายขีด “-” โดยเฉพาะเลขหมายระหว่างประเทศ เพราะอาจสร้างความสับสนได้โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้รวมกับเลขหมายที่ต่อเนื่องกัน เช่น 0-2123-4567-8 หรือ 0-2123-4567-70
23. ด้วยเหตุนี้ เราควรใช้ “ช่องว่าง” ในการแบ่งกลุ่มตัวเลขเท่านั้น
24. ใครที่เคยเขียนเบอร์โทรเป็น 02-123-456 นั้น
25. ก็ควรเปลี่ยนมาเขียนเป็น 0 2123 4567 ซึ่งถูกต้องกว่า
26. เลิกใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) กับเบอร์โทร
27. เครื่องหมายวงเล็บ ( ) นั้นใช้แสดงว่า ตัวเลขที่อยู่ในวงเล็บนั้นอาจไม่จำเป็นต้องใช้ในการโทร
28. เช่น
รหัสพื้นที่ (02) สำหรับกรุงเทพฯและปริมณฑล
ซึ่งแต่ก่อนสามารถโทรถึงกันได้โดยไม่จำเป็นต้องกดรหัส 02 ก่อน
เราจึงสามารถเขียนเลขหมายเป็น (02) 123 4567 หรือ (053) 123 456 ได้
เพื่อแสดงให้ทราบว่าถ้าอยู่ในพื้นที่เดียวกันไม่ต้องกดรหัสพื้นที่
แต่หลังจากการเปลี่ยนระบบเลขหมายโทรศัพท์จาก 7 หลักมาเป็น 8 หลัก
ทำให้ในปัจจุบัน เราต้องกดรหัสพื้นที่ก่อนเสมอ
29. ด้วยเหตุนี้
เราจึงไม่ควรใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) ในเลขหมายโทรศัพท์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกต่อไป
30. คำแนะนำในการเขียนเลขหมายโทรศัพท์ ให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล Part 2/6 ใช้ +66 สำหรับเลขหมายระหว่างประเทศ (International number)
31. เครื่องหมายบวก “+”
เป็น International prefix symbol ที่ใช้นำหน้ารหัสประเทศ
และแสดงให้ทราบว่าเลขหมายโทรศัพท์ที่ตามมานั้นเป็นเบอร์โทรระหว่างประเทศ
สำหรับตัวเลข “66” นั้นก็คือ รหัสประเทศ(Country code) ของไทยนั่นเอง
32. ในการกดเบอร์โทรไปต่างประเทศด้วยเครื่องโทรศัพท์ธรรมดา เราไม่ต้องกดเครื่องหมายบวก “+”
33. แต่ถ้าโทรออกด้วยโทรศัพท์มือถือ เราถึงจะสามารถกดเครื่องหมายบวก “+” ได้จริงๆ
34. แต่
ถ้าเป็นการโทรระหว่างประเทศ เลข 0 ซึ่งเป็น Trunk prefix นี้จะถูกละเว้นไป
นั่นเป็นเหตุผลที่เราสามารถเขียนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับการโทรระหว่างประเทศ
เป็น +66 2345 6789 และ
ไม่ควรใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) และเครื่องหมายขีด (-) ในเลขหมายโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ซึ่งจะสร้างความสับสนได้ง่าย
35. หมายเลขต่อ (ext.)
36. สำหรับ เบอร์ต่อนั้น ITU แนะนำให้เขียนโดยใช้คำว่า “ext.” ซึ่งย่อมาจาก extension ตามด้วยเลขหมาย เช่น 0 2345 6789 ext. 1234
37. แต่
ของไทยเรานั้นใช้คำว่า “ต่อ” แทน จึงเขียนได้เป็น 0 2345 6789 ต่อ 1234
บางทีก็เห็นใช้เครื่องหมายชาร์ป (#) แทนอย่าง 0 2345 6789 # 1234
ก็เป็นที่เข้าใจได้เช่นกัน สรุปแนวทางการเขียนเลขหมายโทรศัพท์
จาก
หลักการเขียนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับสิ่งพิมพ์และสื่อต่างๆ ซึ่งได้แก่
การแบ่งกลุ่มตัวเลขให้ถูกต้อง การใช้ช่องว่างแยกกลุ่มตัวเลข,
การเลิกใช้เครื่องหมายวงเล็บ และการใช้ “+66” สำหรับเลขหมายระหว่างประเทศ
เราจึงมีแนวทางการเขียนเบอร์โทรศัพท์ดังนี้
เลขหมายโทรศัพท์ สำหรับโทรในประเทศ
เลิกใช้วงเล็บ ไม่ควรเขียนว่า (02) 345 6789
เลิกใช้เครื่องหมายขีด (-) ไม่ควรเขียนว่า 02-345-6789
เลิกใช้ช่องว่างรวมกับเครื่องหมายขีด (-) ไม่ควรเขียนว่า 02 345-6789
ใช้ช่องว่างแยกกลุ่มตัวเลข เขียนได้เป็น 02 345 6789
แยกกลุ่มตัวเลขให้ถูกต้อง เขียนได้เป็น 0 2345 6789
การ
เขียนเลขหมายโทรศัพท์อย่างถูกต้องนั้น อาจจะดูแปลกในตอนแรก
หากเราลองฝืนใจทำตามคำแนะนำไปสักระยะหนึ่ง ไม่นานก็จะรู้สึกดีขึ้น
ที่เราเขียนเบอร์โทรได้ตรงตามมาตรฐาน ไม่ทำให้คนอื่นสับสน
สำหรับเลขหมายโทรศัพท์สำหรับติดต่อกับต่างประเทศ
ไม่ควร เขียน (662) 3456789 เพราะไม่ควรใช้วงเล็บ และขาดเครื่องหมาย +
ไม่ควรเขียน +66 23 456789 เพราะแบ่งกลุ่มตัวเลขไม่เหมาะสม
ไม่ควรเขียน +66(0) 23456789 เพราะไม่จำเป็นต้องมีเลข 0 ให้สับสน
ไม่ควรเขียน +66 (0) 2 345 6789 เพราะไม่จำเป็นต้องมีเลข 0 และยังแบ่งกลุ่มไม่ถูก ยิ่งทำให้ดูสับสน
ไม่ควรเขียน +66-2345-6789 เพราะไม่ควรใช้เครื่องหมายขีด (-) ที่ทำให้ดูสับสนเมื่อมีทั้งเครื่องหมายบวก (+) และลบ (-) อยู่ร่วมกัน
ควรเขียนเป็น +66 2345 6789 ซึ่งเรียบง่าย และเป็นที่เข้าใจในระดับสากล
การเขียนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่
สำหรับติดต่อในประเทศ
ให้
เขียนโดยแยก 08 ไว้ข้างหน้า เว้นวรรคด้วยช่องว่าง ตามด้วยเลขอีก 4 ตัว
เว้นวรรคด้วยช่องว่าง แล้วจึงตามด้วยเลขที่เหลืออีก 4 ตัว เช่น 08 1234
5678
ไม่ควรเขียนเป็น (081)-234-5678, (081) 234 5678, (081) 234 5678, 081-234-5678, 081 234 5678, 08-1234-5678, (08) 1234 5678
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น